ราชินีเพลงลูกทุ่งพุ่มพวง ดวงจันทร์
หากพูดถึงเพลงลูกทุ่งที่ถูกกล่าวถึงมากและยาวนานที่สุดเห็นจะหลีกไม่พ้นเพลงของราชินีเพลงลูกทุ่ง
พุ่มพวง ดวงจันทร์ หรือแม่ผึ้ง
ที่ไม่ใช่แค่นักร้องบ้านนอกออกเทป
แต่ความสามารถของเธอที่สร้างมานั้นมันเกินคำบรรยายที่จะอธิบายได้ถึงความลำบาก อดทน
กัดฟันสู้กับอุปสรรค์นานาประการที่รุมเร้า แต่เธอ...
พุ่มพวง ดวงจันทร์ ผู้หญิงตัวคนเดียว
ไม่เคยท้อต่อความลำบาก เธอตั้งใจสร้างผลงานของเธอออกมาให้แฟนเพลงได้ชมและฟังอยู่เสมอๆ
แม้ทุกวันนี้จะเหลือแต่เพียงบทเพลงที่เธอขับร้องเอาไว้
แต่บทเพลงทุกๆเพลงและเรื่องราวของเธอไม่เคยหายไปจากวงการใจแฟนเพลงเลยแม้แต่น้อย
ชื่อ รำพึง
จิตหาญ ชื่อเล่น ผึ้ง เกิดวันที่ 4 สิงหาคม 2504
แหล่งกำเนิด จังหวัด
สุพรรณบุรี วันที่เสียชีวิต 13 มิถุนายน 2535 รวมอายุ 30 ปี
ก่อนเข้าวงการ
รำพึง จิตรหาญ เกิดที่ จังหวัดชัยนาท มาโตที่อำเภอสองพี่น้อง
จังหวัดสุพรรณ เป็นบุตรีของนายสำราญ และนางเล็ก จิตรหาญ
ครอบครัวมีอาชีพรับจ้างทำไร่อ้อย เกิดในครอบครัวยากจน
เป็นลูกคนที่ 5 ของบ้านในจำนวน 12 คน
สถานภาพครอบครัวเธอจัดอยู่ในขั้นที่ยากจนมาก
เธอเรียนที่โรงเรียนบ้านดอนตำลึง แต่ด้วยความที่เธอมีน้องอีก 6 คน
ประกอบกับค่านิยมของแม่นั้นเห็นว่าผู้หญิงไม่จำเป็นต้องเรียนมา เธอไม่จบแม้แต่ชั้น
ป.2 ในวัยเด็กพอน้องหลับหมด เธอไปหาของขาย เก็บผัก หาดอกไม้ป่า
หาบไปขายตามโรงงานเพื่อแลกเงิน
เส้นทางนักร้อง
รำพึง ชื่นชอบการร้องเพลงลูกทุ่งตั้งแต่เด็ก
ถึงแม้ว่าเธอจะอ่านหนังสือไม่ออกแต่ก็มีความจำดีเยี่ยม
เธอเริ่มหัดร้องเพลงและเข้าประกวดตามงานต่าง ๆ ตั้งแต่อายุ 8 ปี
โดยใช้ชื่อว่า น้ำผึ้ง ณ ไร่อ้อย เธอเข้าประกวดล่ารางวัลไปทั่ว
ตั้งแต่อำเภอศรีประจันต์ บางปลาม้า แล้วข้ามจังหวัดไปถึงอำเภอเสนา ผักไห่ มหาราช
วิเศษชัยชาญ บ้านแพรก หนองโดน พระพุทธบาท สระบุรี
และต่อมาอยู่กับวงดนตรีที่กรุงเทพฯ กับ ดวง อนุชา ตั้งแต่อายุประมาณ 10 ขวบ แต่ยังไม่ได้เป็นนักร้องอาชีพก็กลับบ้านอำเภอสองพี่น้อง
ในปี พ.ศ. 2518 เมื่ออายุได้ 15 ปี ไวพจน์ เพชรสุพรรณ นำวงดนตรีมาแสดงที่วัดทับกระดาน
เธอได้ร่วมร้องเพลงและแสดงความสามารถจนไวพจน์เห็นความสามารถ เกิดความเมตตา
จึงรับเป็นบุตรบุญธรรมและพาไปอยู่กรุงเทพฯ
เริ่มต้นอาชีพด้วยการเป็นหางเครื่องและนักร้องพลาง ๆ ก่อนที่ไวพจน์
จะแต่งเพลงและอัดแผ่นเสียงชุดแรกให้ ชื่อเพลง แก้วรอพี่ เพลงแต่งแก้กับเพลง
"แก้วจ๋า" โดยใช้ชื่อในการร้องเพลงว่า น้ำผึ้ง เมืองสุพรรณ ซึ่งจากการอยู่ในวงดนตรีไวพจน์
เพชรสุพรรณ ทำให้เธอสนิทสนมกับธีระพล แสนสุข ทำให้ต้องแยกออกจากวงดนตรีไวพจน์
เพชรสุพรรณ มาเริ่มงานกับศรเพชร ศรสุพรรณ โดยทำงานเป็นทั้งหางเครื่องและนักร้องในวง
และย้ายมาอยู่กับขวัญชัย เพชรร้อยเอ็ด
เรื่องส่วนตัว
แฟนคนแรกของพุ่มพวงคือ ธีระพล แสนสุข ระหว่างที่พุ่มพวง ดวงจันทร์ เทใจทุ่มกับงานอย่างเต็มที่
ธีระพลเริ่มปันใจให้กับสลักจิต ดวงจันทร์ จึงทำให้ความรักของทั้งคู่จบลง แต่ด้านธุรกิจยังคงร่วมงานกันอยู่ แต่ในปี 2530
ธีระพล แสนสุข ก็ถูกน้องชายพุ่มพวง ดวงจันทร์ ยิงตาย
ในปี พ.ศ. 2527 พุ่มพวงจดทะเบียนสมรสกับนายไกรสร
ลีละเมฆินทร์ อดีตพระเอกภาพยนตร์ ที่ใช้ชื่อในวงการว่า ไกรสร แสงอนันต์ ต่อมาพุ่มพวงฝึกหัดเขียนหนังสือจนสามารถเขียนชื่อตัวเองได้
เพื่อประโยชน์ทางนิติกรรมต่าง ๆ ในปี พ.ศ. 2530 มีบุตรชายชื่อ
สันติภาพ (ต่อมาเปลี่ยนชือเป็น สรภพ) หรือ
"เพชร" หรือ "บ่อยบ๊อย" ลีละเมฆินทร์ ซึ่งก็เป็นนักร้องลูกทุ่ง นอกจากนี้ยังมี จันทร์จวง ดวงจันทร์ ดวงใจ ดวงจันทร์ และสลักจิต ดวงจันทร์ น้องสาวพุ่มพวงก็เป็นนักร้องเพลงลูกทุ่งเช่นกัน
ความสำเร็จและรางวัล
ในปี พ.ศ. 2519 ครูเพลงลูกทุ่งชื่อดัง มนต์
เมืองเหนือ รับเป็นลูกศิษย์ และเปลี่ยนชื่อจากน้ำผึ้ง เมืองสุพรรณเป็น
"พุ่มพวง ดวงจันทร์" จากการตั้งชื่อโดย มนต์ เมืองเหนือ
และได้บันทึกเสียงจากการแต่งของก้อง กาจกำแหง ร้องแก้ขวัญชัย เพลงนั้นคือ
"รักไม่อันตรายและรำพึง" และตั้งวงดนตรีเป็นของตนเอง โดยการสนับสนุนของคารม
คมคาย นักจัดรายการวิทยุ มนต์
เมืองเหนือแต่ไม่ประสบความสำเร็จก็มาสังกัดบริษัทเสกสรรเทป-แผ่นเสียงผลงานของพุ่มพวง
ดวงจันทร์เริ่มประสบความสำเร็จในเวลาต่อมาหลังจากได้รับการสนับสนุนจากประจวบ จำปาทองและปรีชา อัศวฤกษ์นันท์ให้ตั้งวงร่วมกับเสรี รุ่งสว่าง ในชื่อวง เสรี-พุ่มพวง
จากจุดนี้ก็ได้รับความสำเร็จขึ้น
พ.ศ. 2521 พุ่มพวงได้รับรางวัลพระราชทานเสาอากาศทองคำพระราชทาน
จากสมเด็จพระเทพรัตน์ราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี จากเพลง “อกสาวเหนือสะอื้น”
นอกจากนี้ ยังได้เป็นผู้ร้องเพลง "ส้มตำ"
พระราชนิพนธ์ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา
สยามบรมราชกุมารี
พุ่มพวง ดวงจันทร์ เข้ามาอยู่สังกัดอโซน่า โปรโมชั่น ในปี
พ.ศ. 2525 ผลงานในระหว่างปี 2525-2535 ของเธอมีมากมายอย่างเช่น
จะให้รอ พ.ศ.ไหน (มิ.ย. 2525)
สาวนาสั่งแฟน (2526)
นัดพบหน้าอำเภอ (2526)
ทิ้งนาลืมทุ่ง (2527)
คนดังลืมหลังควาย (2528)
อื้อฮื้อ ! หล่อจัง (2528)
ห่างหน่อย – ถอยนิด (2529)
ชั่วเจ็ดที-ดีเจ็ดหน (2529)
เรื่องของสัตว์โลก (2529)
และ คิดถึงน้องบ้างนะ (2530)
ซึ่งสามชุดหลังเป็นชุดที่ออกหลังที่พุ่มพวงออกจากค่ายอโซน่า
โปรโมชั่นแล้ว
ต่อมาย้ายมาอยู่กับพีดี โปรโมชั่น และ ซีบีเอส
เร็คคอร์ด (ประเทศไทย) และอาจารย์ไพจิตร
ศุภวารีได้เปลี่ยนภาพลักษณ์พุ่มดวงให้เข้ากระแสนิยมของเพลงสตริงในยุคนั้น
แต่ก็ไม่ได้รับการยอมรับของนักฟังเพลงลูกทุ่ง
จึงได้ย้ายไปทำงานร่วมกับท็อปไลน์มิวสิค มีผลงานเพลงที่ได้รับความนิยมมากมาย
ผลงานที่ได้รับความนิยมอย่างเช่นชุด ตั๊กแตนผูกโบว์, กล่อม และ ทีเด็ดพุ่มพวง ผลงานกับค่ายท็อปไลน์มิวสิคอื่น
ๆ เช่น หนูไม่รู้,หนูไม่เอา, พี่ไปดู หนูไปด้วย และนำผลงานเก่ามามิกซ์รวมกัน เช่น พุ่มพวงหลาย พ.ศ. (ตลับทอง และตลับเพชร), ขอให้รวย, น้ำผึ้งเดือนห้า, ซูเปอร์ฮิต 1
และ 2 จากนั้นเธอเริ่มรับจ้างทำงานให้กับอาร์เอส โปรโมชั่นเมโทรเทปและแผ่นเสียง
และแฟนตาซี ไฮคลาส สำหรับผลงานกับค่ายอาร์เอส เช่น ลูกทุ่งท็อปฮิตมาตรฐาน เป็นผลงานอัลบั้มที่เธอนำเพลงดังของศิลปินลูกทุ่งดังในอดีตมาร้องใหม่
นอกจากนี้ยังมีค่ายเมโทรฯ ที่ได้ลิขสิทธิ์งานเพลงชุด "ส่วนเกิน" อีก 1
ชุด
พุ่มพวงเข้าสู่วงการภาพยนตร์ในปี พ.ศ. 2526 และแสดงหนังเรื่องแรก สงครามเพลง สร้างโดยฉลอง ภักดีวิจิตร และอีกหลายเรื่อง ในช่วงที่แสดงภาพยนตร์เรื่อง มนต์รักนักเพลง ได้พบกับ (ไกรสร แสงอนันต์)
ผลงานการแสดงของเธอในฐานะนางเอก อย่างเช่น สงครามเพลง, รอยไม้เรียว, ผ่าโลกบันเทิง, นักร้อง นักเลง, นางสาวกะทิสด,มนต์รักนักเพลง, ลูกสาวคนใหม่, อีแต๋น ไอเลิฟยู, หลงเสียงนาง, จงอางผงาด, ขอโทษทีที่รัก, คุณนาย ป.4, อาจารย์เด๋อเจอพุ่มพวง, สาวนาสั่งแฟน, เสน่ห์นักร้อง, นางสาวยี่ส่าย (ภาพยนตร์โทรทัศน์) เป็นต้น
ต่อมาเมื่อวันที่ 12 กันยายน
พ.ศ. 2532 พุ่มพวง ดวงจันทร์
ได้รับรางวัลพระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีอีกครั้ง
ในสาขารางวัลขับร้องเพลงดีเด่น กับเพลง "สยามเมืองยิ้ม"
ประพันธ์โดยครูลพ บุรีรัตน์ ในงานกึ่งศตวรรษเพลงลูกทุ่ง ภาค 2
เหตุการณ์การเสียชีวิต
13 มีนาคม พ.ศ. 2535 มีข่าวปรากฏตามหน้าหนังสือพิมพ์ว่า
พุ่มพวงทะเลาะกับสามี และป่วยเป็นโรคไตขั้นรุนแรง จนต้องเข้าโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง
แต่ไม่สามารถเบิกเงินจากธนาคารเพื่อมารักษาตัวเองได้ (ซึ่งมีอยู่ 6 ล้านบาท) สมุดบัญชีอยู่กับไกรสร (สามี) ที่เชียงใหม่
เธอจึงตัดสินใจสั่งอายัดเงินทั้งหมด ต่อมา 20 มีนาคม
เธอเดินทางจากเชียงใหม่ เข้ารักษาตัวเองที่โรงพยาบาลตากสิน จันทบุรี และย้ายไปที่โรงพยาบาลศิริราช แพทย์ตรวจพบว่าเธอป่วยด้วยโรคเอสแอลอีหรือโรคแพ้ภูมิตัวเอง
อาการขั้นรุนแรง ลุกลามถึงไต ทางด้านไกรสรออกมายอมรับว่ามีปัญหาครอบครัวจริง ต่อมา
3 เมษายน แพทย์เจ้าของไข้เปิดเผยว่าพุ่มพวงอาการดีขึ้น
ทางด้านญาติของพุ่มพวงมีความเห็นว่าควรรักษาด้วยไสยศาสตร์
เนื่องจากเชื่อว่าถูกปองร้ายด้วยไสยศาสตร์ด้วยวิธีการคุณไสย ต่อมาวันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2535 เดินทางออกจากโรงพยาบาลศิริราชเพื่อไปรักษาด้วยวิธีทางไสยศาสตร์
ไปจังหวัดพิษณุโลกโดยเดินทางด้วยรถตู้ แต่หลังจากกราบไหว้พระพุทธชินราช
เมื่อเวลาประมาณ 13.00 น. ก็เกิดอาการช็อกและหมดสติ
ญาตินำส่งโรงพยาบาลพุทธชินราช กระทั่งถึงแก่กรรมอย่างสงบเมื่อเวลา 20.55 น.
ได้สวดอภิธรรมศพที่ วัดมกุฏกษัตริยาราม พิธีพระราชทานเพลิงศพของพุ่มพวง
ดวงจันทร์ จัดที่วัดทับกระดาน อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี เมื่อวันที่ 25
มิ.ย. พ.ศ. 2535 โดย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา
สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินเป็นองค์ประธานในพิธี
นอกจากนี้ยังมีการสร้างหุ่นพุ่มพวง ตั้งอยู่ในศาลาริมสระน้ำ วัดทับกระดาน อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งมีการจัดงานรำลึกถึงพุ่มพวงทุกปี
ช่วง 13-15 มิถุนายน ซึ่งเป็นวันครบรอบการเสียชีวิตของเธอ
กรณีพิพาทหลังเสียชีวิต
14 มิถุนายน พ.ศ. 2535 นางเล็ก
มารดาให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า ก่อนเสียชีวิตไม่นานว่า
พุ่มพวงได้เล่าเหตุการณ์และความรู้สึกบีบคั้นโดยเฉพาะเรื่องในครอบครัวลงในเทปตลับหนึ่ง
ต่อมาเทปถูกคัดลอกเพื่อออกจำหน่ายในชื่อ บันทึกลับพุ่มพวง ซึ่งมีเนื้อหาพาดพิงไกรสร
แสงอนันต์ ไกรสรยื่นฟ้องศาลและศาลได้ระงับการจำหน่าย
ไกรสรและญาติของพุ่มพวงเกิดความขัดแย้งกันอย่างหนัก
มีการกล่าวหากันไปมาทั้งสองฝ่าย มีข้อมูลระบุว่า ไกรสรกลับไปคืนดีกับอดีตภรรยา
ส่วนอีกฝ่ายหาว่าเรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะทางฝ่ายญาติพุ่มพวงต้องการได้ส่วนแบ่งมรดกทั้งหมด 80 ล้านบาท
ต่อมานางเล็กยื่นขอเป็นผู้จัดการมรดกทั้งหมด แต่ต่อมาไกรสรยื่นคำร้องต่อศาลคัดค้าน
และต่อมานายสำราญ (พ่อของพุ่มพวงซึ่งหย่าจากนางเล็กแล้ว) คัดค้านอดีตภรรยาเนื่องจาก
นางเล็ก อ่านเขียนไม่ออก แต่ต่อมาถอนคำร้อง
และศาลได้สั่งให้ไกรสรและนางเล็กเป็นผู้จัดการมรดกร่วมกัน
โดยทรัพย์สมบัติแบ่งออกเป็น 2 ส่วนเท่ากัน
ส่วนแรกเป็นของไกรสร อีกส่วนเป็นกองกลาง ซึ่งมีเจ้าของ 4 คนคือ
นายสำราญ นางเล็ก ไกรสร และลูกชาย สันติภาพ ทุกคนจะได้รับเท่ากันในส่วนนี้
แต่หากพบว่าสมบัติใดพบหลังการแบ่งแล้ว จะยกให้สันติภาพเพียงผู้เดียว
2 มิถุนายน 2552 นายสรภพ
ลูกชายพุ่มพวงอุปสมบทให้พุ่มพวง ที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร (วัดใหญ่) จ.พิษณุโลก มี นางสุพรรณี สุประการ มารดาบุญธรรม และนางบุญ สุประการ ผู้เป็นยาย
ร่วมเป็นเจ้าภาพในพิธีอุปสมบท
โดยในงานมีการตั้งโต๊ะรับบริจาคเงินสมทบทุนสร้างหุ่นขี้ผึ้ง “พุ่มพวง ดวงจันทร์” หุ่นที่ 7 โดยประชาชนที่บริจาคเงิน
100 บาท จะได้รับ แผ่นซีดีเพลงที่ นายสรภพ
ขับร้องไว้ในชื่ออัลบั้ม “บทเพลงเพื่อแม่ผึ้ง” และมีเพลงที่พุ่มพวงร้องสดเป็นครั้งสุดท้าย ทั้งนี้สรภพเกิดเรื่องขัดแย้งกับบิดาและญาติฝ่ายพุ่มพวง
โดยเมื่อวันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2552 พระสรภพ
พบกับนายไกรสรและญาติพี่น้องของพุ่มพวง ที่วัดทับกระดาน อำเภอสองพี่น้อง
จังหวัดสุพรรณบุรี และเกิดการโต้เถียงอย่างรุนแรง
ในกรณีการจัดสร้างหุ่นขี้ผึ้งพุ่มพวง
สำหรับหุ่นเหมือนพุ่มพวง ดวงจันทร์
ปัจจุบันมีอยู่ 7 หุ่น อยู่ที่วัดทับกระดาน 6 หุ่น
ได้แก่ หุ่นที่ 1 ตั้งอยู่บริเวณสระกลางน้ำ แต่งกายชุดสีดำ
เป็นหุ่นอภินิหาริย์ที่สร้างขึ้นหลังพระราชทานเพลิงศพ หุ่นที่ 2 อยู่ในตู้กระจก ยุ้ย ญาติเยอะ เป็นผู้สร้างไว้บูชาครูเพลงพุ่มพวง หุ่นที่ 3
สร้างโดยนายณรงค์ รอดเจริญ อดีตบรรณาธิการ เป็นหุ่นแก้บน
ทำด้วยขี้ผึ้งแข็ง หุ่นที่ 4 เป็นสีชมพู สร้างขึ้นจากแฟนเพลง
ที่เป็นหุ่นปลดหนี้ รุ่นนางพญาเสือดาว หุ่นที่ 5 อยู่ในชุดเสวนาธรรม
สร้างโดยญาติและกรรมการวัด หุ่นที่ 6 เป็นหุ่นสีทอง
สร้างขึ้นโดยใหม่
เจริญปุระ สร้างขึ้นเพื่อบูชาครูเพลง หุ่นพุ่มพวงที่วัดทับกระดานนั้น ยังมีชื่อเสียงเรื่องมีผู้นิยมมาขอหวยอย่างมากมายส่วนหุ่นเหมือนพุ่มพวงตัวที่เจ็ดนั้น เป็นหุ่นชุดเสือดาว
สร้างโดยพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งมาดามทุซโซต์ เพื่อจัดแสดง ณ พิพิธภัณฑ์สาขากรุงเทพ ชั้น 6 และ 7 สยามดิสคัฟเวอรี่เซ็นเตอร์
โดยพิพิธภัณฑ์มีกำหนดเปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 4 ธันวาคม 2553 หุ่นเหมือนพุ่มพวงตัวนี้เป็นตัวแรกที่ผู้สร้างส่วนใหญ่เป็นชาวต่างประเทศ และเป็นหุ่นตัวแรกที่ไม่ได้ตั้ง ณ วัดทับกระดาน
โดยพิพิธภัณฑ์มีกำหนดเปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 4 ธันวาคม 2553 หุ่นเหมือนพุ่มพวงตัวนี้เป็นตัวแรกที่ผู้สร้างส่วนใหญ่เป็นชาวต่างประเทศ และเป็นหุ่นตัวแรกที่ไม่ได้ตั้ง ณ วัดทับกระดาน
วันที่ 15 ส.ค.2552 กระทรวงวัฒนธรรม โดยคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิคัดเลือกปริยศิลปิน
และปรมศิลปิน มีมติประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติ นายสุรพล สมบัติเจริญ และ พุ่มพวง
ดวงจันทร์ หรือรำพึง จิตรหาญ เป็น "ปริยศิลปิน"
ศิลปินอันเป็นที่รักยิ่งของประชาชน โดยวันที่16 ส.ค. ซึ่งตรงกับวันเสียชีวิตของนายสุรพล
สวช.จะมีพิธีมอบรางวัลยกย่องอย่างเป็นทางการให้แก่ครอบครัวสมบัติเจริญ
ที่ศูนย์การค้าอินเดีย เอ็มโพเรียม กรุงเทพฯ หรือ ATM พาหุรัดเดิม
ส่วนครอบครัวของพุ่มพวง ดวงจันทร์นั้น
สวช.จะจัดพิธีมอบรางวัลยกย่องอย่างเป็นทางการในวันที่ 30 ส.ค.2552
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น